ในปัจจุบันมีหลากหลายสกุลเงินที่ถูกสร้างขึ้นมา ทั้งเพื่อต้องการมาแข่งขันกันและเพื่อต้องการพัฒนาให้เกิดการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับ Solana เหรียญ DeFi ที่ได้รับความนิยมจนได้รับความนิยมอันดับ 5 ของโลก แล้วเหรียญ Solana มีจุดประสงค์อะไรในการสร้าง และทำไมถึงได้รับการขนานนามว่าเป็น “Ethereum Killer” วันนี้ Cryptomotion จะมาให้คำตอบคุณเอง
ที่มาของเหรียญ Solana
Solana เป็นแพลตฟอร์มที่ถูกสร้างขึ้นมาในเดือนมีนาคม 2017 โดย Antoly Yakovenko ซึ่ง Solana เป็นแพลตฟอร์มที่เข้ามาแก้ไขปัญหาด้านความเร็วในการทำธุรกรรมและค่าธรรมเนียมที่มีราคาแพง โดยใช้ระบบ Proof-of-Stake ผสมกับระบบ Proof-of-History ระบบการทำงานแบบใหม่ ที่จะเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณงานบนเครือข่าย ผ่านการจัดเก็บประวัติการทำธุรกรรม ที่จะช่วยให้ระบบสามารถติดตามได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้ Node มาช่วยในการยืนยันการทำธุรกรรม
และมีเหรียญ SOL ซึ่งเป็นเหรียญ DeFi ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มของ Solana โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2021 จนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาถึง 7,600% และเพิ่งทำ All Time High ที่ 257 ดอลลาร์ ไปในวันที่ 6 พฤษจิกายน เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งเหรียญที่เป็นที่จับตามองและน่าลงทุนเป็นอย่างมาก
จุดเด่นของ Solana
1.เป็นแพลตฟอร์มที่รองรับการทำธุรกรรมแบบ Decentralized (กระจายอำนาจ) โดยจะมีการเปิดให้นักพัฒนาเข้ามาสร้าง DApp ได้หลากหลายรูปแบบ
2.ใช้เทคโนโลยี Proof-of-Stake ผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ที่ชื่อว่า Proof-of-History ซึ่งจะช่วยในการตรวจสอบและยืนยันการทำธุรกรรม โดยมี Cryptographic Clock เข้ามาช่วยให้ระบบสามารถลำดับเหตุการณ์และดึงข้อมูลนั้นมาใช้ได้ โดยไม่ต้องให้คนในระบบช่วยยืนยัน
3.มีเกม Metaverse ที่ทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มของ Solana ชื่อว่า “StarAtlas” ซึ่งเป็นเกมท่องอวกาศที่มีกราฟฟิกสวยงามและอลังการมากที่สุดบน Blockchain
4.สามารถรองรับการทำธุรกรรมได้เร็วและมากที่สุดถึง 50,000 ธุรกรรมต่อวินาที นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมที่ถูกมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.00025 ดอลลาร์ต่อธุรกรรมเท่านั้น
5.มีการสร้าง Wormhole ที่ทำให้การเชื่อมต่อกับเครือข่ายต่างๆ สามารถเข้าถึงได้โดยง่าย ซึ่งส่งผลต่อราคาของเหรียญ SOL ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย
6.ถูกเรียกว่าเป็น “Ethereum Killer” เนื่องจากมีอัตราการเติบโตของเหรียญสูงถึง 76 เท่า นอกจากนี้ยังสามารถทำธุรกรรมได้มากกว่าและมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า Ethereum อยู่มาก
Solana ถือเป็นแพลตฟอร์มที่น่าจับตามองอย่างมาก ทั้งด้านความรวดเร็วในการทำธุรกรรม อัตราค่าธรรมเนียมที่มีราคาถูก และเทคโนโลยี Proof-of-History ที่มีส่วนช่วยในการลำดับเหตุการณ์และดึงข้อมูลมาใช้โดยไม่ต้องให้คนในระบบยืนยัน รวมถึงอัตราการเติบโตที่มีมากถึง 76 เท่า แต่ทั้งนี้ก็ต้องจับตามองต่อไปว่า Solana จะมีการพัฒนาไปในทิศทางใด รวมถึงจะสามารถพัฒนาให้สมกับฉายา Ethereum Killer ได้หรือไม่ สุดท้ายนี้ หากใครสนใจศึกษาข้อมูลเกี่ยวโลกของคริปโตฯ สามารถติดตามต่อได้ที่ CryptoMotion เพราะเราจะอัปเดตข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคุณในโลกของคริปโตฯ เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจโลกของคริปโตฯได้มากที่สุด